"เนื้องอกไทรอยด์นี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีเลือดไหลเวียนมาก และอยู่ใกล้โครงสร้างหลอดเลือดรอบ ๆ ทำให้การผ่าตัดมีความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม เราสามารถนำขั้นตอนนี้ด้วยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นประสาทและหลอดเลือดที่สำคัญในบริเวณคอ และใส่ 'เข็ม' เข้าไปในเนื้องอกเพื่อใช้ 'ความร้อน' สลายเนื้องอกได้" การจี้ด้วย "ความร้อน" นี้ หรือที่เรียกว่าการจี้ด้วยคลื่นไมโครเวฟ (microwave ablation) ใช้เทคนิคที่เรียกว่า "การจี้แบบเคลื่อนที่" (mobile ablation) เพื่อแบ่งเนื้องอกขนาดใหญ่ออกเป็นส่วนเล็ก ๆ และทำการจี้ทีละส่วน คล้ายกับการแกะสลักที่ทำให้สามารถกำจัดมุมและขอบของเนื้องอกได้อย่างหมดจด

　　การจี้เฉพาะที่โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อรักษาโรคไทรอยด์ได้รับความสนใจในงานวิจัยทางคลินิกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากลักษณะการรักษาที่มีการบุกรุกน้อย (minimally invasive) มีความปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน นำไปสู่พัฒนาการใหม่ในด้านการรักษาโรคไทรอยด์ ในช่วงเริ่มต้น การจี้เนื้องอกไทรอยด์โดยใช้เทคนิคนี้จะใช้วิธี "เข็มคงที่" (fixed-needle ablation) โดยใช้เข็มหนึ่งหรือหลายเข็มเพื่อสร้างจุดสลายเนื้อเยื่อครอบคลุมพื้นที่เนื้องอก

　　อย่างไรก็ตาม เนื้องอกไทรอยด์มักมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ การจี้ด้วยเข็มคงที่สามารถเพิ่มขนาดพื้นที่การจี้ได้เพียงแค่ยืดระยะเวลาเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างของพื้นที่การจี้ ส่งผลให้วิธีนี้ไม่สามารถปรับตัวได้ดี และอาจเป็นสาเหตุของอัตราการจี้ที่ไม่สมบูรณ์ในกลุ่มที่ใช้เข็มคงที่ การจี้ที่ไม่สมบูรณ์นี้อาจทำให้เนื้องอกลดขนาดไม่เพียงพอ และยังคงมีเนื้อเยื่อพยาธิวิทยาเหลืออยู่รอบ ๆ ทำให้เกิดการเติบโตซ้ำ

　　การใช้เข็มหลายจุดเพิ่มจำนวนครั้งของการใส่เข็ม ซึ่งเพิ่มความเสี่ยง และยังไม่สามารถจี้ให้ครอบคลุมได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากต่อมไทรอยด์อยู่ใกล้กับโครงสร้างสำคัญหลายส่วน เช่น หลอดลมและเส้นประสาท การเพิ่มระยะเวลาการจี้ด้วยเข็มคงที่จึงเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อสำคัญเหล่านี้

　　ในปี 2008 Jeong และทีมงานได้เสนอ "เทคนิคการจี้แบบเคลื่อนที่" (moving-shot technique) เป็นครั้งแรกสำหรับการจี้ด้วยคลื่นความถี่ในเนื้องอกไทรอยด์ เทคนิคนี้ใช้การจี้แบบเคลื่อนที่เพื่อสร้างพื้นที่การจี้หลายส่วนที่มีขนาดต่างกัน โดยการเคลื่อนปลายเข็มเพื่อครอบคลุมเนื้องอกทั้งหมด จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าผลลัพธ์เป็นไปในทางบวก Lim และทีมงานได้ติดตามผลเป็นเวลาเฉลี่ย (49.4 ± 13.6) เดือน และพบว่าขนาดเนื้องอกลดลงเฉลี่ย (93.4 ± 11.7)% เมื่อเทียบกับวิธีเข็มคงที่ การจี้แบบเคลื่อนที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า เพราะสามารถปรับขนาดพื้นที่การจี้ได้โดยเปลี่ยนความเร็วในการเคลื่อนเข็ม

　　สำหรับพื้นที่ใกล้โครงสร้างสำคัญ สามารถเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนเข็มและใช้พื้นที่การจี้ขนาดเล็ก สำหรับพื้นที่ที่มีเลือดไหลเวียนมาก อาจเพิ่มกำลังไฟฟ้าและลดความเร็วการเคลื่อนเข็ม หรือเปลี่ยนเป็นการจี้แบบเข็มคงที่เพื่อให้เนื้อเยื่อถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพการรักษาในระยะยาว

　　ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ การจี้แบบเคลื่อนที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะเนื้องอกไทรอยด์เท่านั้น เช่น ในผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนสูงอายุที่มีเนื้องอกขนาดเกือบ 6 ซม. ซึ่งอยู่ใกล้หลอดเลือดและไม่สามารถผ่าตัดได้ ทีมแพทย์ได้ใช้การผสมผสานระหว่างเคมีบำบัดและการจี้ด้วยมีดนาโน (NanoKnife) โดยใช้เข็มมีดนาโน (NanoKnife) แบ่งเนื้องอกเป็นส่วน ๆ และค่อย ๆ ทำการจี้แบบเคลื่อนที่จนสลายเนื้องอกทั้งหมดได้สำเร็จ

　　อีกกรณีหนึ่งคือผู้ป่วยมะเร็งตับที่แพร่กระจาย เนื้องอกอยู่ใกล้กับกะบังลมและติดกับหลอดเลือด ทำให้การจี้ด้วยความร้อนมีความเสี่ยง ทีมแพทย์จึงเลือกใช้มีดนาโน (NanoKnife) ซึ่งลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อปกติ เนื้องอกมีการเติบโตแบบไม่สม่ำเสมอขนาดประมาณ 7 ซม. ทีมจึงต้องใช้การจี้แบบเคลื่อนที่ในหลายพื้นที่เพื่อกำจัดขอบและมุมของเนื้องอกให้หมดจดที่สุด

　　ปรึกษามะเร็งฟรี

　　094-221-1169 หรือ 081-580-3998

　　Line @fudacancerthai

　　#เนื้องอกไทรอยด์ #ไมโครเวฟ #มีดนาโน #การจี้แบบเคลื่อนที่ #มะเร็งไม่ผ่าตัด

　　ปรึกษาโรคมะเร็ง

　　หากคุณต้องการทราบว่าผู้ป่วยเหมาะสำหรับการรักษาแบบบาดแผลเล็กหรือไม่ (การรักษาด้วยความเย็น  การรักษาด้วยมีดนาโน  การรักษาเฉพาะจุดแบบอุดตันเส้นเลือด ฯลฯ) และค่าใช้จ่ายในการรักษา  กรุณากรอกข้อมูลผู้ป่วย เพื่อรับคำแนะนำจากทีมแพทย์มะเร็งผู้เชี่ยวชาญของเรา

รับคำแนะนำจากแพทย์