ชายป่วยด้วยมะเร็งปอดหลังมีอาการไอและมีเสมหะ ทีมแพทย์หลายสาขาของโรงพยาบาลฟูด้าช่วยให้เขารอดพ้นจากความตาย
None
Author:FUDA
From:เนื้องอกลุกลามหลังการทำเคมีบำบัด
ลุงจิน (นามสมมติ) วัย 66 ปี จากมณฑลซานซี ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคพังผืดปอด (Pulmonary Interstitial Fibrosis) เมื่อ 5 ปีก่อน เมื่อต้นปีใหม่ที่ผ่านมา ลุงจินเริ่มมีอาการไอและมีเสมหะปนเลือด ด้วยความกังวลว่ามีสิ่งผิดปกติ เขาจึงไปโรงพยาบาลพร้อมลูก ๆ และผลวินิจฉัยสุดท้ายคือ มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small-Cell Lung Cancer) ข้างขวา ในระยะจำกัด
แม้ลุงจินจะใช้ชีวิตปกติ ทั้งการกินและการทำงาน รวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปีที่ไม่พบปัญหาใหญ่ใด ๆ เขาก็ยังคงทานยารักษาพังผืดปอดมาโดยตลอด แต่เหตุใดโรคร้ายนี้ถึงเกิดขึ้นกับเขา? ด้วยความกลัวว่าลุงจินจะรับมือกับข่าวนี้ไม่ไหว ลูก ๆ ของเขาจึงปิดบังการวินิจฉัยจากเขา กระทั่งลุงจินกลับบ้านหลังการรักษาและพบรายงานในกระเป๋าของตัวเอง แม้จะรู้ความจริง แต่เขายังคงมีทัศนคติที่ดี และได้ขอร้องลูก ๆ ว่า "อย่าให้แม่รู้ เพราะสุขภาพของเธอไม่ดีอยู่แล้ว"
จากนั้น ลุงจินจึงเริ่มต้นการทำเคมีบำบัดที่โรงพยาบาลในพื้นที่อย่างเงียบ ๆ อย่างไรก็ตาม หลังการทำเคมีบำบัดถึง 6 รอบ เนื้องอกไม่เพียงแค่ไม่ลดขนาดลง แต่กลับโตขึ้น นอกจากนี้ ยังพบการแพร่กระจายไปที่ขั้วปอดขวา (Right Lung Hilum) และต่อมน้ำเหลืองในช่องอก (Mediastinal Lymph Nodes) รวมถึงพบก้อนเนื้อแข็งในปอด ความล้มเหลวนี้ทำให้ลุงจินรู้สึกว่าเขาอาจเดินเส้นทางผิด
แต่ถึงอย่างนั้น เขายังไม่ยอมแพ้ และเดินหน้าหาทางรักษาต่อไป
ความไว้วางใจในฟูด้า
หลังได้ยินเกี่ยวกับทางเลือกการรักษาอื่น ๆ ลุงจินเดินทางมาถึงโรงพยาบาลมะเร็งฟูด้า กว่างโจว ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2024 ขณะนั่งรอที่คาเฟ่ของโรงพยาบาลเพื่อดำเนินเอกสาร ลูก ๆ ของเขายังคงติดต่อกับโรงพยาบาลใหญ่แห่งอื่นในกว่างโจว อย่างไรก็ตาม ลุงจินยังยืนยันที่จะรักษาที่ฟูด้า โดยกล่าวว่า "สัญชาตญาณบอกให้ผมเชื่อมั่นในโรงพยาบาลนี้"
จากการตรวจพบว่าลุงจินมีเนื้องอกขนาด 4.3x3.8x2.5 เซนติเมตร ที่ขั้วปอดขวา โดยมีการกดทับและตีบแคบของหลอดลมบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ ยังพบก้อนเนื้อลักษณะกระจกฝ้า (Ground-Glass Nodules) หลายตำแหน่งในปอดทั้งสองข้าง และต่อมน้ำเหลืองที่ขยายใหญ่หลายจุดในช่องอกและขั้วปอดขวา โดยต่อมน้ำเหลืองที่ใหญ่ที่สุดมีขนาด 3.4x2.4 เซนติเมตร
จากประวัติการรักษาและผลตรวจทางคลินิก ดร.ฉือ ไห่หยาน จากแผนกเนื้องอกวิทยา ได้เรียกประชุมทีมแพทย์สหสาขาทันที หลังการประเมิน ทีมแพทย์พิจารณาว่า เนื่องจากมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็กของลุงจินมีการลุกลามที่ค่อนข้างช้า และตำแหน่งของเนื้องอกอยู่ใกล้กับเส้นเลือดใหญ่ การผ่าตัดจึงมีความเสี่ยงสูง ทีมแพทย์จึงแนะนำให้ใช้การรักษาเฉพาะที่ เช่น การฉายรังสี รวมถึงการปรับเปลี่ยนแผนการรักษาด้วยยาต้านเนื้องอกแบบทั่วร่างกายใหม่อีกครั้ง
การฝังแร่ + การรักษาแบบแทรกแซง + ภูมิคุ้มกันบำบัด = ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
แม้ลุงจินและครอบครัวจะปฏิเสธการฉายรังสีแบบดั้งเดิมในตอนแรก แต่ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงตามแผนการรักษาที่รวมถึงการฝังอนุภาคไอโอดีน-125 เพื่อรักษาเนื้องอกในปอดขวาและการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในช่องอก ร่วมกับการทำเคมีบำบัดแบบให้ยาผ่านหลอดเลือดแดง (Arterial Infusion Chemotherapy) และการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน
การฝังอนุภาคกัมมันตรังสีมีข้อดีในการส่งรังสีในปริมาณสูงไปยังเนื้องอกโดยลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อปกติรอบข้างให้น้อยที่สุด วิธีนี้มีประสิทธิภาพในการรักษาเนื้องอกที่ไม่สามารถผ่าตัดได้หรือกลับมาเป็นซ้ำหลังการรักษาอื่น ๆ รวมถึงการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในช่องอก ซึ่งมักถูกเรียกว่า “มุมแห่งความตาย”
นอกจากนี้ การใช้เทคนิคดิจิทัลซับแทรคชั่นแองจิโอกราฟี (DSA) ทำให้สามารถฉีดยาเคมีบำบัดเข้าสู่หลอดเลือดที่เลี้ยงเนื้องอกโดยตรง เพิ่มความเข้มข้นของยาในบริเวณเป้าหมาย และทำลายเนื้อเยื่อเนื้องอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน การรักษาแบบทั่วระบบร่างกายก็ได้รับการเสริมด้วย ภูมิคุ้มกันบำบัด PD-1 เพื่อควบคุมการลุกลามของเนื้องอก
หลังจากเข้ารับการฝังอนุภาค 1 รอบ และการรักษาแบบแทรกแซงและภูมิคุ้มกัน 3-4 รอบ ลุงจินรู้สึกว่าความ "สัญชาตญาณ" แรกของเขานั้นถูกต้องจริง ๆ ทุกครั้งที่ได้รับการรักษา ผลลัพธ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ จากผลสแกน CT พบว่าเนื้องอกที่ขั้วปอดขวาหดเล็กลงอย่างชัดเจน ต่อมน้ำเหลืองที่โตในช่องอกและก้อนเนื้อในปอดทั้งสองข้างก็ลดขนาดลงเช่นกัน ตลอดระยะเวลาที่เข้ารับการรักษาหลายครั้ง ลุงจินกล่าวว่าเขาได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในชีวิต
เนื่องจากไม่ได้เข้ารับการผ่าตัดใหญ่ ลุงจินจึงไม่พบอาการไม่สบายตัวที่รุนแรง แม้แต่ในขณะที่รับการรักษาแบบแทรกแซง เขายังรู้สึกผ่อนคลายและสามารถสนทนากับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้อย่างสบายใจ “ตั้งแต่พยาบาลไปจนถึงหัวหน้าแผนก ทุกคนปฏิบัติต่อผมด้วยความอบอุ่นและใส่ใจ ผมรู้สึกว่าตัวเองได้รับการดูแลอย่างดีจริง ๆ”
มองโลกในแง่ดีเพื่อความหวังในอนาคต
สำหรับลุงจิน ผู้ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เขาจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเพื่อคงสภาพและติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นการรักษาทัศนคติในเชิงบวกจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ เขายังเรียนรู้วิธีป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็ง หลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคพังผืดปอด ลุงจินเลิกสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ทันที ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เขามีมานานกว่า 40 ปี และเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง เขาปฏิบัติตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ได้แก่ "ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาใจให้สงบ"
ลุงจินชอบเดินออกกำลังกายและพูดคุยกับผู้อื่น ทัศนคติเชิงบวกของเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ป่วยรายอื่น ๆ มาร่วมกิจกรรมกับเขาด้วย เขาเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นว่า “การมีจิตใจที่พร้อมจะเอาชนะเท่านั้น จึงจะพบหนทางเอาชีวิตรอดในเส้นทางที่ยากลำบากนี้ได้”
ความรู้ด้านสุขภาพ: โรคพังผืดปอดและมะเร็งปอด
พังผืดปอด (Pulmonary Interstitial Fibrosis) เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดการสะสมของเนื้อเยื่อพังผืดในปอด มีความหลากหลายและซับซ้อน โดยเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในกลุ่มโรคปอดอักเสบระหว่างเนื้อเยื่อ (Interstitial Pneumonia) ในแง่พยาธิสภาพ มักแสดงออกเป็น ภาวะพังผืดในปอดแบบทั่วไป (Usual Interstitial Pneumonia) ซึ่งมีการลุกลามตามเวลาและอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งปอด
มะเร็งปอด มีต้นกำเนิดจากเยื่อบุหลอดลมหรือเนื้อเยื่อของต่อมในปอด และมักถูกเรียกว่า มะเร็งหลอดลมปอด (Bronchial Lung Cancer) ซึ่งมีอัตราการเกิดโรคสูงและยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง งานวิจัยพบว่า ผู้ป่วยโรคพังผืดปอดมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดสูงกว่าผู้ที่ไม่มีโรคพังผืดอย่างมีนัยสำคัญ
ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์เมตาโดย Li J และทีมวิจัยพบว่า อัตราการเกิดมะเร็งปอดในผู้ป่วยพังผืดปอดอยู่ระหว่าง 4.8% ถึง 48% ในขณะที่ผู้ไม่มีโรคพังผืดมีอัตราเพียง 2.0% ถึง 6.4% เท่านั้น
ผลวิจัยปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า อัตราการเกิดมะเร็งปอดในผู้ป่วยพังผืดปอดแตกต่างกันตามประเทศ ภูมิภาค และประชากร เช่น ในสหรัฐอเมริกา อัตราอยู่ที่ 4.8% ถึง 8.0% ในญี่ปุ่นสูงถึง 48.2% และในเกาหลีอยู่ที่ 13.1% การวิเคราะห์เมตาในประเทศจีนแสดงว่า อัตราเฉลี่ยของการเกิดมะเร็งปอดในผู้ป่วยพังผืดปอดชนิดไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic Pulmonary Fibrosis) อยู่ที่ 14% ซึ่งสูงกว่าประชากรทั่วไปถึง 5 เท่า
ในกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ 90% เป็นผู้ชาย โดยมีอัตราส่วนชายต่อหญิงประมาณ 9:1 และอายุเฉลี่ยของผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ที่มากกว่า 65 ปี
ปรึกษามะเร็งฟรี
094-221-1169 หรือ 081-580-3998
Line @fudacancerthai
#มะเร็งปอด #คีโมเฉพาะจุด #ภูมิคุ้มกันบำบัดPD1 #ฝังแร่ #มะเร็งไม่ผ่าตัด
ปรึกษาโรคมะเร็ง
หากคุณต้องการทราบว่าผู้ป่วยเหมาะสำหรับการรักษาแบบบาดแผลเล็กหรือไม่ (การรักษาด้วยความเย็น การรักษาด้วยมีดนาโน การรักษาเฉพาะจุดแบบอุดตันเส้นเลือด ฯลฯ) และค่าใช้จ่ายในการรักษา กรุณากรอกข้อมูลผู้ป่วย เพื่อรับคำแนะนำจากทีมแพทย์มะเร็งผู้เชี่ยวชาญของเรา
-
การรักษาอุดเส้นเลือดของเนื้องอกแบบใหม่ - HepaSphere...
-
นพ.หยางชิงเฟิง...
การรักษาด้วยการให้ยาผ่านทางเส้นเลือด
การรักษาด้วยความเย็น (Cryosurgical Ablation, CSA)
การรักษาด้วยมีดนาโน (IRE)
การรักษาด้วยคลื่นไมโครเวฟ
การรักษาด้วยคีโมร้อนบริเวณช่องท้อง
การรักษาด้วยแสงจำเพาะ (Photodynamic Therapy, PDT)
การรักษาโดยสร้างภูมิคุ้มกันแบบองค์รวม
-
โรงพยาบาลมะเร็งเฉพาะทางแห่งชาติ
-
โรงพยาบาลมะเร็งที่ได้รับรองมาตรฐาน JCI ระดับนานาชาติ
-
ศูนย์ฝึกอบรมการรักษาด้วยความเย็นแห่งเอเชีย
-
ศูนย์ชีวการแพทย์กว่างโจวสถาบันวิทยาศาสตร์จีนและเวชศาสตร์ปริวรรตสถาบันสุขภาพ